โรคซึมเศร้า หรือ โรคประสาทซึมเศร้า ในศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า Depression คือโรคที่เทางจิตเวชเป็นความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับทั้งร่างกาย และจิตใจ ทำให้รู้สึกเศร้า วิตกกังวล และไม่มีความสุข อยากร้องไห้ นอนหลับยาก และปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง ส่งผลให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าโรคดังกล่าวนั้นคงไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ แต่ท่าเป็นแล้วนั่นอาจส่งผลถึงชีวิตคนคนนั้นเลยก็ว่าได้
สาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้า
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้า ในตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าผู้ป่วยแต่ละคนมีสาเหตุจากอะไร แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในหลาย ๆ องค์ประกอบ ได้แก่
สารเคมีในสมอง
การเกิดของโรคซึมเศร้านั้นอาจเกิดขึ้นได้จากการที่เคมีในสมองขาดความสมดุล ซึ่งจะประกอบไปด้วย ซีโรโท
นิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) หากมีสารเคมีตัวใดตัวหนึ่งมากหรือน้อยไปก็อาจจะทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้
กรรมพันธุ์
โรคซึมเศร้านั้น สามารถส่งต่อได้ทางกรรมพันธุ์ หรือการถ่ายทอดต่อทางพันธุกรรม หากครอบครัวไหนมีผู้ป่วยเป็น
โรคซึมเศร้าแล้วละก็ คนในครอบครัวก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 20% แต่อย่างไรก็ตามการแพทย์ในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ายีนตัวไหนที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า
นิสัยส่วนตัว
โรคซึมเศร้ามักจะเกิดขึ้นในบุคคลที่ขาดความมั่นใจ (Low Self-esteem) หรือมองตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ มอง
โลกในแง่ลบ หรือคิดในแง่ร้าย อาจจะก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าได้
สภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์
โรคซึมเศร้ามักเกิดมากในผู้ที่เผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็น การหย่าร้าง การ
แยกทางจากบิดามารดาตั้งแต่เด็ก การถูกขู่ทำร้าย การตกงาน และแรงกดดันอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดความกระทบกระเทือนในจิตใจ
การรักษาโรคซึมเศร้า
ในปัจจุบันการรักษาโรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยผู้ป่วย 80%-90% ที่ตอบสนองต่อการรักษาโดยจิตแพทย์ และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการดีขึ้นหลังจากที่ได้รับการรักษา ซึ่งมีวิธีการรักษาอยู่หลัก ๆ แล้ว 3 วิธีด้วยกันได้แก่
1. การทำจิตบำบัด คือการรักษาแบบการพูดคุย รับฟังปัญหาให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น โดยการรักษาชนิดนี้จะเรียกว่า Cognitive behavioral therapy (CBT) เป็นการรักษาที่เน้นให้ผู้ป่วยเข้าใจปัญหาและปรับความคิดในแง่ลบ ให้เข้าสู่ในแง่บวกมากยิ่งขึ้น
2. การทานยา การรับประทานยาเป็นการรักษาที่ควบคู่ไปกับการรักษาแบบอื่น ๆ โดยจะมี 3 กลุ่มตัวยาด้วยกันคือ SSRI, TCA และNDRI โดยยาทั้ง 3 ชนิดนี้จะมีผลที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยมีการซึมเศร้าแบบใด
3. การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy: ECT) การรักษาในรูปแบบของใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มต่ำกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีอาการรุนแรง หรือผู้ที่รักษาทั้งแบบทานยา และการทำจิตบำบัดแล้วยังไม่ดีขึ้น ซึ่งการรักษาด้วยไฟฟ้าจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการรักษา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
อย่างไรก็ตามการรักษาทั้ง 3 วิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนว่า ผู้ป่วยรายนั้นมีอาการของโรคซึมเศร้าจริงหรือไม่ และหากได้รับคำวินิจฉัยแล้วว่ามีอาการของโรคดังกล่าวจริง ก็จะส่งไปสู่การรักษาในขั้นตอนต่อไป ไม่ควรรักษาด้วยตัวเอง หรือซื้อยามารับประทานแบบไม่มีแพทย์คอยให้คำแนะนำ เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อเคมีในสมองได้
Tags: การรักษาโรคซึมเศร้า